สวัสดีมนุษย์เงินเดือนที่หาเช้ากินค่ำทุกท่านครับผมเชื่อแน่นอนครับว่าช่วงนี้คงจะมีหลายท่านที่ชักหน้าไม่ถึงหลังและมีรายจ่ายที่มากกว่ารายรับอีกทั้งยังกำลังมองหาอาชีพเสริมที่จะช่วยเพิ่มพูนรายได้ให้กับตนเองและครอบครัวดังนั้นในบทความตอนนี้ผมจึงมีอาชีพเสริมอาชีพหนึ่งมาให้ทุกท่านได้ลองดูกันเผื่อใครชอบใจก็สามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพเพื่อเพิ่มพูนรายได้กันได้เลยครับซึ่งอาชีพเสริมที่ผมพูดถึงนี้ก็คืออาชีพขายน้ำเต้าหู้ครับ หลายคนที่ได้ยินคำว่าขายน้ำเต้าหู้อาจจะงงและสงสัยเป็นกำลังว่าเจ้าน้ำเต้าหู้ที่เราซื้อกินกันถุงละไม่กี่บาทนี้มันจะสร้างรายได้ให้กับเราได้มากมายเชียวหรือซึ่งในความเป็นจริงแล้วน้ำเต้าหู้นี่แหละครับที่จะสร้างกำไรให้กับเราได้มากมายมหาศาลเชื่อไหมครับว่ารายได้เฉลี่ยของคนขายน้ำเต้าหู้หลังจากหักต้นทุนไปแล้ววันหนึ่งต้องมีเงินติดกระเป๋าไม่น้อยกว่า 500 บาทเป็นอย่างน้อยและในรายที่ขายดีๆ 1000-2000 ต้องมีติดกระเป๋ากลับบ้านครับ สาเหตุที่ผมนิยมให้ทำน้ำเต้าหู้ขายเป็นอาชีพเสริมก็เพราะว่าเป็นของที่ใช้ต้นทุนน้อย ใช้เวลาทำและเตรียมการไม่มากโดยเราเตรียมของเอาไว้ตอนกลางคืนและขายตอนเช้าก่อนออกไปทำงานตามปกติและเมื่อกลับมาถึงบ้านหากพอมีเวลาก็สามารถที่จะขายได้อีกรอบหนึ่งเบาๆ เพื่อเอาเงินก่อนที่จะกลับมาเตรียมของและพักผ่อนเพื่อต่อสู้กับวันต่อไป นี่แหละครับอาชีพเสริมที่ผมอยากจะแนะนำให้ไปลองทำดูถ้าใครทำได้รับรองว่ามีเงินแน่นอนครับ
ปัญหาที่คนส่วนใหญ่ต้องเจอในช่วงหนึ่งของชีวิตก็คงจะหนีไม่พ้น ปัญหาของการหางานทำ ซึ่งการหางานนี้เองที่ทำให้คนส่วนมากท้อแท้กับการใช้ชีวิต บางคนหาเป็นเดือนๆ ก็ยังไม่ได้ บางทีอาจข้ามปีเลยก็ยังมี ทำให้เราพอเห็นภาพแล้วว่าการหางานทำนั้นยาก แล้วจะยังต้องหางานให้ตรงกับความต้องการอีกจะแค่ไหนกัน ต้องบอกตรงๆ เลยว่า ยากมาก เพราะอะไร เพราะในปีๆ หนึ่งนั้น มีนักศึกษาที่จบใหม่กว่าแสนคนทั่วประเทศ ทำให้การแข่งขันนั้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาที่มีคนเรียนมากก็จะยิ่งหางานยากขึ้นไปอีก และการไปยื่นใบสมัครตามบริษัทต่างๆ นอกจากจะดูเกรดเฉลี่ยแล้ว ยังดูกิจกรรมที่เราเคยในสมัยเรียนอีกด้วย ใครที่ไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมใดๆ ก็มีสิทธิ์สูงที่จะไม่ได้งานตามที่ต้องการ นอกจากนี้เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลง บริษัทหลายแห่งปิดตัวลง ทำให้คนตกงานกันเป็นจำนวนมาก บางแห่งเป็นหลักพันคนเลยก็มี แต่บางบริษัทก็ใช้วิธีการปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดด้วยการลดจำนวนพนักงานลง ปัญหาจึงตกมาอยู่ที่นักศึกษาที่จบใหม่ ต้องพากันเตะฝุ่นนับหมื่นคนในแต่ละปี ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังหางานให้ตรงกับความต้องการในยุคนี้ ก็อาจจะลองปรับเปลี่ยนความต้องการลงมาสักเล็กน้อย อาจลองทำงานอย่างอื่นที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่เราสามารถทำได้ในระดับหนึ่ง ดีๆ ไม่เราอาจได้เส้นทางในการดำเนินชีวิตแบบใหม่ไปเลยก็เป็นได้ และสิ่งสำคัญคือไม่ควรยึดติดกับใบปริญญาตรีมากจนเกินไปหากมันทำให้หางานได้ยาก