ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยเวลาที่เราเดินไปตามตลาดนัดเสื้อผ้า เรามักจะต้องเจอป้ายติดราคาที่เขียนไว้เหมือนๆ กัน คือ Sale 199 บาท บ้างก็ Sale 299 บาท ซึ่งราคาเสื้อผ้าเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะลงท้ายด้วยเลข 9 อยู่เสมอๆ บางคนอาจสงสับว่าเป็นเลขนำโชคใช่หรือเปล่า จะเรียกอย่างนั้นก็ไม่เชิง
เพราะถึงขั้นมีนักวิจัยของต่างประเทศได้ลงมือทดสอบการติดป้ายราคาเลยว่า ราคาที่ลงท้ายด้วยเลข 9 ซึ่งเป็นเลขตัวสุดท้ายของชุดตัวเลข 1 – 9 ผู้คนจะให้การตอบรับมากกว่าราคาอื่นๆ อย่างเช่น เสื้อผ้าที่เขียนราคาไว้ว่า Sale 199 บาท ซึ่งเมื่อดูเผินๆ ก็ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับราคา 200 บาท แต่ก็ยังไม่ถึง ขาดไปเพียงแค่บาทเดียวเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ก็เป็นเหมือนจิตวิทยาที่ทำให้ผู้ซื้อรู้สึกว่าราคานั้นถูกจนน่าซื้อ เป็นต้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าราคาที่ลงท้ายด้วยเลข 9 จะได้ผลเสมอไป เพราะเรายังสามารถต่อราคาได้อีกและแม่ค้าก็ลดให้เป็นหลักสิบ อย่างเช่น Sale 199 บาท แต่พอต่อแล้วก็จะเหลือประมาณอยู่ที่ 190 บาท อย่างนี้เกือบทุกร้าน แต่คำที่ดึงดูดลูกมากกว่าราคาที่ลงท้ายด้วยเลข 9 ก็คือคำว่า Sale กับลดราคา อาทิเช่น ถ้าหากเราเขียนป้ายราคาไว้ว่า Sale 230 บาทจาก 500 บาทเท่านี้ก็พาให้สาวๆ พากันวิ่งไปจับจองเสื้อผ้าคนละตัวสองตัวได้แล้ว ทั้งที่ราคาจริงๆ ก็อาจจะเป็น Sale 230 บาท อยู่ก่อนแล้วก็ได้
สุดท้ายนี้ไม่ว่าราคาจะตั้งไว้ที่เท่าไหร่ ไม่ว่าจะ Sale 199 บาท หรือ Sale 230 บาท เราก็ควรจะดูเนื้อผ้าให้เหมาะสมกับราคานั้นๆ ก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้งเพื่อที่จะไม่ต้องมานั่งเสียใจที่หลังว่าได้เสื้อไม่ดี